เรื่องปกติ..ที่ไม่ปกติ
เวลาจะเรียนเคมี คนส่วนใหญ่มักจะมุ่งเป้าไปที่ 2 สิ่งนี้ก่อน
– ต้องเรียนเนื้อหาให้เข้าใจ
– แนวข้อสอบตรงและมีวิธีแก้โจทย์
เราจึงมักจะได้เรียนเคมีกันอยู่ 3 แบบ
.
1. สอนให้เข้าใจเนื้อหา
คือสอนให้น้องรู้ทุกเนื้อหา อ่านโจทย์เข้าใจ ดูเฉลยรู้เรื่อง แต่ไม่สอนว่า เริ่มคิดเองยังไง ไปต่อแบบไหน ก็มักไปสตั้นท์ตอนสอบ คือเรียนเข้าใจแต่ไปไม่เป็น
.
2. สอนวิธีแก้โจทย์มากมาย
คือมีโจทย์ให้น้องฝึกทำแทบทุกรูปแบบ ให้รู้ว่าทำยังไงถึงได้คำตอบ พอเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ตอนสอบก็ทำได้ครับ แต่ทำไม่ทัน
.
3. สอนทั้งเนื้อหาและโจทย์พร้อมเทคนิค
แบบนี้จะใช้เวลานานสุดๆ แลกกับได้ครบทุกอย่าง ทำข้อสอบได้ คะแนนโอเค แต่ความรู้ที่เรียนมาอยู่ในสมองน้องได้ไม่นาน พอขึ้น ม.6 ก็ต้องเรียนของ ม.4-5 ซ้ำอีกรอบ
.
.
ใครไปสุดแบบ 3 แล้วก็ไม่รู้จะทำไงต่อ ใครๆเขาก็เรียนกันจนกลายเป็นเรื่องปกติ (ทั้งๆที่มันไม่ปกติ)
.
.
สิ่งสำคัญที่ถูกมองข้าม
ลึกๆแล้วน้องคงไม่อยากเจอ 3 แบบที่ว่านี้ใช่ไหมครับ เพราะความตั้งใจ ความขยันของน้องจะสูญเปล่าถ้าเรียนแล้วลืม
.
ทำไมถึงเรียนแล้วลืมล่ะ? นั่นเพราะคนส่วนใหญ่มองไปที่เป้าหมาย และไม่ได้สนใจอาวุธที่ตัวเองมีอยู่
.
“ถ้าเรามีเวลา 6 ช.ม.ในการตัดต้นไม้
เราจะใช้ 4 ช.ม.แรกไว้ลับขวาน”
อับราฮัม ลินคอล์น
(ประธานาธิบดีคนที่ 16 ของสหรัฐอเมริกา)
.
อาวุธที่ใช้เรียนใช้สอบ คือ “สมอง” ถ้าน้องรู้สึกเหนื่อยกับการเรียน มีปัญหากับการสอบ อาจเป็นเพราะน้องยังไม่ได้ลับคมให้กับมัน
น้องอยากเป็นคนกลุ่มไหนครับ?
นี่คือรูปกราฟคะแนนสอบวิชาสายวิทย์ หลังจบม.6 น้องจะเป็นส่วนหนึ่งในกราฟแท่งใดแท่งหนึ่ง
.
ถ้าเราขีดเส้นแบ่งครึ่งที่ 50 คะแนน น้องอยากอยู่ฝั่งไหนครับ? และคิดว่าอะไรทำให้น้องได้ไปอยู่ฝั่งนั้น?
.
แน่นอนครับทุกคนอยากอยู่ฝั่งขวา แต่ความจริงคือ จากคน 9 หมื่น อยู่ฝั่งขวาแค่ 6-7 พัน
.
หลายคนตอบว่าคนที่อยู่ฝั่งขวา คือคนที่ตั้งใจเรียน/ความขยัน งั้นแปลว่าอีก 8 หมื่นกว่าคนขี้เกียจหรอ?
.
กลุ่มซ้าย (8 หมื่นกว่าคน) มีทั้งคนที่ไม่เรียนเลย คนเรียนกลางๆพอไปได้ และคนที่ตั้งใจขยันเรียน รวมอยู่อย่างละเป็นหมื่นๆคนครับ
กลุ่มขวา (มีอยู่ 6-7 พันคน) ส่วนใหญ่จะเป็นคนขยันตั้งใจเรียน และมีอยู่หลายร้อยคนที่ออกจะขี้เกียจด้วยซ้ำ แต่รู้เทคนิคเคล็ดลับบางอย่างที่ใช้ทำคะแนนสอบสูงๆได้
.
สิ่งที่น้องต้องมี จึงไม่ใช่แค่ความขยันครับ แต่เป็น “ความสามารถในการทำข้อสอบ”
.
.
ตอนไปสอบ
เราต้อง ดึงความรู้ออกมาแก้โจทย์ ในเวลาที่จำกัด น้องได้ฝึกสิ่งนี้กันมากแค่ไหนก่อนถึงวันสอบ?
.
.
แต่ตอนเรียน..
เรามักใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการ นั่งดู ฟัง และจดตามสิ่งที่ครูสอน กลับมาก็อ่านทบทวน หาหนังสือมาอ่านเพิ่ม
.
ที่พูดมานี่มันคือการ ใส่ความรู้เข้าสมอง กินเวลาของการเรียนไปเกือบหมดแล้ว (นี่เรายังไม่ได้ฝึกสิ่งที่ใช้สอบแข่งกับคนทั้งประเทศเลย)
.
ความรู้ที่น้องจดใส่สมองมา มันคือความรู้ของคนอื่น เหมือนยืมมาใช้ อยู่ในสมองได้ไม่นาน เพราะยังไม่ใช่ความรู้ของน้องเอง
..
..
ทำไงให้ความรู้ติดสมองได้นาน?
.
ความรู้ที่เรียนมา น้องต้องตกตะกอนเป็นความรู้ของตัวเองครับ แล้วมันจะอยู่กับน้องยาวเลย
.
สิ่งนี้จะเกิดตอนฝึกคิดเองทำเอง ได้ลองผิดลองถูก ก็คือตอนทำการบ้านนั่นแหละ แต่มีคนกี่ % ล่ะที่ทำการบ้านเอง
.
“การตกตะกอนความรู้” มันสำคัญมากๆ แล้วทำไมถึงเอาเรื่องสำคัญขนาดนี้มาโยนเป็นการบ้าน เป็นภาระให้เด็กล่ะ?
.
ทำไมไม่ทำสิ่งสำคัญนี้กันให้เสร็จตั้งแต่ตอนเรียนล่ะ?
.
.
.
สมองน้องเทพกว่าที่น้องคิด
เรื่องบางเรื่องที่เราอยากจะลืม เรายังลืมไม่ได้เลย และเราจะไปบังคับให้สมองจำเรื่องที่เรียน มันก็ไม่ได้เหมือนกัน ไปฝืนมันมากๆสมองก็ประท้วงด้วยการง่วงซะเลย
.
สมองมันมีเงื่อนไขของมันครับ..ว่าจะจำอะไร จะลืมอะไร หลายประเทศทั่วโลกทดลอง วิจัย หาคำตอบเรื่องนี้กันจนรู้ความลับของสมองมาหลายสิบปีแล้ว
.
ในไทย..คนที่รู้หลักการนี้มีน้อยมาก บางคนรู้และใช้ไปโดยไม่รู้ตัว (ก็คือกลุ่มคนขี้เกียจที่ได้คะแนนสูงน่ะแหละครับ)
.
ครูใช้เวลาสิบกว่าปี ผ่านการสอนเป็นหมื่น ชม. เขียนหนังสือเคมีนับ 10 เล่ม ทำคลิปสอนอีกหลายพันคลิป เพื่อนำวิธีนี้มาปรับใช้กับการเรียนเคมีได้สำเร็จ น้องๆที่ใช้วิธีนี้..เรียนรู้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม 4 เท่า
.
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
น้องเอิร์นอยู่ ม.6 ทำโจทย์เคมีแทบไม่ได้เลยจนเดือนมกรา (ก่อนสอบ 2 เดือน) มาเริ่มเรียนด้วยวิธีนี้จนถึงวันสอบ..และทำคะแนนเคมีได้ 78/100 แล้วได้เรียนหมอตามที่หวังไว้
.
.
.
วิธีเดียวกันนี้..ทำให้น้องเพชร (ม.3) ที่ยังไม่เคยแตะเคมี ม.ปลาย สามารถสอบติด สอวน.เคมี ทะลุไปค่าย 2 โดยใช้เวลาเพียงเดือนกว่าๆก่อนสอบ เรียนเก็บเคมีของ ม.4 ได้ครบในเวลาไม่ถึง 30 ชม. ผ่านคอร์สออนไลน์
.
หรืออย่างน้องนัท..ที่เรียนจบทุกอย่างมาแล้ว แต่พอลองทำข้อสอบแล้วรู้สึกไม่ไหว เลยคิดจะรื้อใหม่ตอน 7 เดือนก่อนสอบ มาเริ่มเรียนด้วยวิธีนี้เพียง 100 ชม.คอร์สนิดๆ
พอจับทางได้ก็เอาวิธีนี้ไปใช้กับวิชาอื่นด้วย คะแนนออกมาได้อยู่ระดับบนๆของคณะ
.
.
.
ประโยชน์ที่น้องได้มากขึ้น
.
.
สัมผัสประสบการณ์เรียนเข้าใจถึงแก่น
.
แล้วไปทำข้อสอบอย่างลื่นไหล
.
ด้วยเทคนิค LEARNING by DOING ที่ทำให้น้องเดินยิ้มออกจากห้องสอบ ?
รีวิวตามจริงแบบไม่อวย จากประสบการณ์จริงของผู้เรียนหลายสิบคนที่เคย
- สอบตกเคมี เรียนไม่เข้าใจ
- อ่านเองไม่เก็ท เจอโจทย์แล้วก็ไปไม่เป็น
- เรียนแล้วลืม ต้องเรียนย้อน ทวนซ้ำจนท้อ

01

02

03

04

05

06

07

08

09

10

11

12

13

14

15

16

17

18

19

20

21

23

22

24

25

26

27

28

29

30

31

32

33

34

35

36