ตอนที่ 6 เจตนาของคนออกข้อสอบ

ตอนนี้จะมี 3 ส่วน – ทำยังไงเมื่อลังเลและวิธีสังเกต? – เคสตัวอย่างล่าสุด – สรุป     ทำยังไงเมื่อลังเลและวิธีสังเกต? เคยเป็นมั้ยครับที่ลังเลตอนทำข้อสอบ ทั้งๆที่คิดมาจนสุดทางแล้ว สิ่งที่ช่วยให้เราได้คะแนนคือดูเจตนาของคนออกข้อสอบให้ออก จับทางให้ได้ วิธีสังเกตมีอยู่ 1. ดูจากช๊อยส์ ยกตัวอย่างว่าโจทย์บรรยายข้อความมา 2-3 บรรทัด แล้วให้พิจารณาข้อความ ก ข ค ง ข้อใดถูก     1) ก เท่านั้น     2)  ก และ ข     3)  ข และ ค     4)  ข และ ง     5)  ค…

Details

ตอนที่ 5 คิดเร็วกว่าเขียนเป็นร้อยเท่า

“การเขียนของคนเรา ต่อให้เขียนเร็วแค่ไหน.. ก็ไม่ไวไปกว่าความคิด” เห็นด้วยมั๊ยครับ มีหลายครั้งที่เรามักจะเคยชินหรือยึดติดกับรูปแบบการเขียน ยกตัวอย่าง   ในวิชาคำนวณที่มักต้องแทนค่าในสูตร สมมติเราจะแทนค่าในสมการ  PV = nRT  (ในเรื่องแก๊ส) คนส่วนใหญ่มักจะติดนิสัยเขียนสูตรก่อน (ใช้ไป 3-4 วินาที) แล้วถึงแทนค่าตัวเลขลงในบรรทัดที่สอง ถ้าบางสูตรยาวกว่านี้ก็ใช้ 6-8 วินาที ตีคร่าวๆ เขียนสูตรทีนึงก็เสียไป 5 วินาที ดูเหมือนจะไม่ได้มากมายอะไรใช่มั้ยครับ   แต่ถ้าเป็นข้อสอบทั้งฉบับ ถ้าเราต้องเสียเวลาเขียนสูตรทำนองนี้ 15-20 ครั้งล่ะ เราจะเสียเวลาไปนาทีกว่าๆ เวลาขนาดนี้ใช้ทำโจทย์ได้อีก 1-2 ข้อเลย เคยได้ยินมั้ยครับ “แค่ 1 คะแนนก็เปลี่ยนคณะที่เรียนได้” นี่ฉบับนึงทำโจทย์ได้เพิ่มขึ้น 1-2 ข้อ ถ้าต้องสอบวิชาคำนวณ 3-4 วิชา โอกาสทำคะแนนได้เพิ่มขึ้นก็เป็นสิบๆคะแนนแล้ว แบบนี้ไม่น้อยแล้วใช่มั้ยครับ   รายละเอียดเล็กๆน้อยๆพวกนี้แหละครับคนส่วนใหญ่มองข้าม ตอนฝึกทำโจทย์ที่บ้าน ลองดูครับ ฝึกไม่นาน 1-2 สัปดาห์ก็เริ่มคุ้นมือกันแล้ว เวลาจะแทนค่าในสูตร…

Details

ตอนที่ 4 อย่าเสียเวลากับสิ่งที่โจทย์ไม่ได้ถาม

สมมติว่ามีเวลาในการสอบวิชาหนึ่ง 90 นาที ถ้าหักเวลาที่ต้องเขียนชื่อกับฝนกระดาษคำตอบไปราวๆ 5-10 นาที เวลาที่เหลือ 80-85 นาที ก็เอาไว้แก้โจทย์แต่ละข้อ เพื่อหาคำตอบให้ครบทุกข้อ มันควรจะเป็นแบบนี้ถูกไหมครับ แต่ความจริงไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ   เมื่อวิเคราะห์กระดาษทด ตรวจสอบดูเส้นทางการคิด พบว่านักเรียนจำนวนมากใช้เวลาเพื่อหาคำตอบตามที่โจทย์ถามกันเพียง 60-65 นาทีเท่านั้น เวลาอีก 15-20 นาที ถูกใช้ไปกับการคิดหาบางสิ่งที่โจทย์ไม่ได้ถามโดยไม่รู้ตัว (คิดเป็น 20-30% ของเวลาสอบเลยทีเดียว)   ทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ลองนึกถึงตอนทำข้อสอบกันดูครับ นอกจากความรู้ในเรื่องที่ออกสอบแล้ว มีอะไรอีกบ้างที่มีผลต่อคะแนนที่เราจะได้…   เงื่อนไขสำคัญคือเวลาที่จำกัดครับ แม้จะทำข้อสอบได้ทุกข้อ แต่ถ้าทำไม่ทันก็เสียคะแนน คะแนนจึงขึ้นกับสิ่งอื่นด้วย เช่น – ไหวพริบ (ทริคได้คะแนนฟรี ในตอนที่ 3) – การวางแผนทำข้อสอบ (กินลูกชิ้นก่อน ในตอนที่ 2) – การบริหารเวลา ที่เรากำลังจะพูดถึง   ตัวข้อสอบ ถ้ามองแบบผิวเผินจะเห็นว่ามีทั้งข้อง่าย ข้อยาก โจทย์สั้น…

Details

ตอนที่ 3 ทริคได้คะแนนเพิ่มฟรี

ปกติแล้วข้อสอบที่ใช้ในการสอบระดับประเทศส่วนใหญ่จะมีมาตรฐานอันหนึ่งคือการบาลานซ์ช็อยส์ ถ้าข้อสอบมี 40 ข้อ แบบ 5 ตัวเลือก (1 2 3 4 5) คำตอบที่ถูกต้องจะกระจายไปที่แต่ละช๊อยส์อย่างสม่ำเสมอ คืออย่างละ 8 ข้อ (8 × 5 = 40)   ที่เป็นแบบเพราะป้องกันไม่ให้คนที่เดามั่วข้อสอบแบบทิ้งดิ่งได้คะแนนสูงเกินไป ลองคิดดูว่า ถ้าคำตอบเทไปทางช๊อยส์ใดช๊อยส์หนี่งมากกว่าช๊อยส์อื่นๆ คนดวงดีเดาฝนช๊อยส์นั้นเยอะๆ ก็จะได้คะแนนสูงกว่าคนที่เดาช๊อยส์อื่นๆ ซึ่งไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่เดามั่วเหมือนๆกัน เราอาศัยจุดนี้มาเป็นคะแนนฟรีได้ครับ ทำยังไง?   ยกตัวอย่าง ถ้าข้อสอบมี 25 ข้อ คำตอบก็มักจะกระจายไปที่แต่ละช๊อยส์ ช๊อยส์ละ 5 ข้อ (รูปบนสุด)   สมมติว่าเวลาสอบเหลืออยู่ 5 นาที ยังเหลือข้อที่เราทำไม่ได้หรือไม่ได้ทำอยู่ 7 ข้อ (ดูรูปกลาง ข้อที่ยังไม่ทำคือ 1, 10, 18, 20, 21, 23…

Details

ตอนที่ 2 กินลูกชิ้นก่อน

เทคนิคที่ช่วยให้น้องทำคะแนนสอบได้สูงขึ้นได้แบบทันที คือการบริหารเวลาในห้องสอบครับ แนะนำให้ฝึกกันให้จินตั้งแต่อยู่บ้านเลย โดยปกติแล้วตอนฝึกทำข้อสอบเองที่บ้าน น้องๆควรกำหนดเวลาที่ทำให้เท่าๆกับตอนสอบจริงด้วย   โดยทั่วไปแล้วเมื่อเริ่มจับเวลา คนส่วนใหญ่จะเริ่มทำข้อสอบจากข้อ 1 ไปเรื่อยๆ ไม่ได้ข้อไหนก็ข้ามไปก่อน แบบนี้ข้อเสียคือ ถ้าเราทำข้อสอบไม่ทัน แล้วข้อง่ายๆหรือข้อที่เราถนัดอยู่ท้ายๆฉบับ เราก็จะพลาดคะแนนส่วนนั้นไปแบบน่าเสียดาย แต่เราจะไม่ทำแบบนั้นครับ   เทคนิคกินลูกชิ้นก่อน ให้น้องใช้เวลาประมาณ 1-3 นาทีแรกเปิดสแกนข้อสอบทั้งฉบับ คือดูแบบผ่านๆ น้องจะเห็นภาพรวมเลยว่าโจทย์ที่ง่าย หาคำตอบได้เร็ว หรือเป็นโจทย์เรื่องที่น้องถนัด อยู่ตรงไหนบ้าง โจทย์ข้อไหนที่ดูยากและน่าจะใช้เวลานานเราก็จะได้ระวังไว้ ไม่จมเวลาไปกับมัน   จากนั้นน้องก็เริ่มทำข้อที่ง่ายหรือข้อที่ถนัดก่อนเลย อาจจะอยู่ท้ายฉบับ กลางฉบับ หรือต้นฉบับก็ได้ ไล่เก็บให้ครบ ตั้งแต่ข้อง่าย ไปถึงปานกลาง ถ้าใช้เทคนิคนี้เมื่อเวลาหมดไปครึ่งหนึ่ง น้องมักจะทำข้อสอบได้เกินครึ่งฉบับแล้ว กำลังใจก็จะไม่แผ่ว สมองก็ยังไม่เหนื่อยล้ามาก เพราะยังไม่เจอของยากๆเลย   เคยเป็นมั้ยครับ ตอนยังทำข้อสอบเรียงข้อ แล้วดันไปเจอข้อแรกๆ ยากๆ ทำเอามึน สมองล้า เกิดความเครียดสะสม กำลังใจก็ฝ่อลง แบบนี้แม้ไปเจอข้อง่ายๆตอนท้ายๆ โอกาสทำพลาดก็สูงครับ เพราะเราท้อไปแล้ว ปัญหานี้จะหมดไปครับเมื่อน้องใช้เทคนิคนี้  …

Details

ตอนที่ 1 ฝึกทำข้อสอบย้อนหลัง เรียงลำดับปียังไงดี

ตอนนี้ใกล้สอบเข้ามหาลัยมากๆแล้ว น้องๆจะเริ่มทยอยฝึกทำข้อสอบย้อนหลังกัน (หาได้ในโลกโซเชียลที่คนเขาแชร์ๆกัน) คนที่หาตัวข้อสอบมาได้แล้ว บางคนก็ทำเรียงตามเลขปีไปเลย สำหรับน้องที่ยังไม่รู้ว่าจะทำปีไหนก่อนดี ครูมีทริคง่ายๆมาบอก   ยกตัวอย่าง ข้อสอบเคมีวิชาสามัญ จะมีตั้งแต่ปี 55 จนถึง 63 รวม 9 ฉบับ วิธีที่ได้ผลคือให้ฝึกทำจากง่ายไปยากครับ แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าปีไหนยากหรือง่าย? ก็ให้ดูจากสถิติคะแนนเฉลี่ยแต่ละปี อย่างในเคมีครูรวบรวมมาให้แล้วเป็นรูปนี้   นี่คือสถิติจากผู้เข้าสอบวิชาเคมีทั้งหมด (หาได้จากกูเกิล แล้วเอามารวมใส่ตารางเองได้) สมมติเราดูที่ช่องคะแนน 50-70 จะเห็นว่า – ปี 58 มีคนทำคะแนนได้ในช่วงนี้มากสุดที่ 6,106 คน – ปี 56 มีคนทำคะแนนได้ในช่วงนี้น้อยสุดที่ 2,459 คน   เราจะสรุปคร่าวๆได้ว่าปี 58 ข้อสอบค่อนข้างง่าย และปี 56 ข้อสอบค่อยข้างยาก เมื่อเทียบกับปีอื่นๆ แบบนี้เราก็จัดเรียงข้อสอบไว้ฝึกทำจาก ง่ายไปยาก ได้ตามนี้คือ 58 → 57 →…

Details