เวลาหาที่เรียนพิเศษ เรามักจะเห็นรูปนักเรียนเก่ง ๆ แปะโชว์อยู่ทั้งนั้น..แต่ที่กังวลกันคือ เรียนแล้วจะทำได้แบบนั้นหรอ? จะได้ผลกับเรามั๊ย? แล้วแบบนี้จะเลือกจากอะไรดี?
1. ดูราคา ดู ชม.เรียน
คือคนเราเวลาจ่าเงินสมัครเรียนแล้วเนี่ยก็อยากได้อะไรที่จับต้องได้ ให้รู้สึกคุ้มค่า เพราะผลลัพธ์หลังเรียนมันยังไม่เห็น แต่ ชม.เรียนนี่เราได้มันมาเลย ยิ่งได้ ชม.เรียนเยอะ ก็ยิ่งรู้สึกคุ้ม ไม่แปลกครับที่จะคิดแบบนั้น แต่..
เอ๊ะ..แบบนี้ก็เท่ากับว่า “จ่ายค่าเรียน แลกกับ ชม.เรียน” น่ะสิ ถ้าพูดกันตรงๆ สิ่งที่น้องอยากได้จริงๆ คือ ผลคะแนนสอบสูง สอบติดคณะดีๆ ใช่มั้ยครับ
ส่วน ชม.เรียน เป็นแค่ทางผ่าน สมมติว่าน้องสมัครแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาได้เรียน มันจะก็ยังไม่เกิดผล จริงมั้ยครับ ต้องมีเวลาที่จะเรียนด้วย..
แบบนี้ ชม. เรียน ไม่ใช่สิ่งที่น้องได้สิ มันเป็นสิ่งที่น้องต้องจ่ายด้วยต่างหาก จ่ายด้วยเวลาของน้อง ยิ่งคอร์สยาวๆ ก็ต้องจ่ายเวลาไปมาก ยิ่งใกล้ๆสอบนี่ “เวลา” มีค่ายิ่งกว่า “ค่าเรียน” ซะอีก
สรุป “ค่าเรียน+เวลาที่ต้องใช้เรียน”
คือต้นทุนที่น้องต้องจ่ายจริงๆครับ
.
.
2. ขอทดลองเรียน ให้เห็นแนวการสอน ดูว่าสอนเข้าใจมั๊ย อันนี้เห็นด้วยเลยครับ และอยากเสริมด้วยว่า “เรียนเข้าใจ” มันยังจับต้องไม่ได้ มันควรได้มากกว่านั้น คือเข้าใจแบบเอาไปใช้สอบได้ด้วย
3. ดูก่อนเลยว่าสอนทำโจทย์มั๊ย กลุ่มนี้ผ่านด่าน 2 ได้แล้ว คือ “เรียนเข้าใจ” แต่มาเจอปัญหา “เจอโจทย์แล้วไปไม่เป็น” คราวนี้พอเปลี่ยนที่เรียน จะเน้นเลยว่า “อยากทำโจทย์ได้ด้วยตัวเอง” แบบไม่ต้องมีครูคอยแนะ
4. เน้นที่มีเทคนิค เคล็ดลับ คนที่ผ่านมาถึงด่าน 4 นี้ได้จะมีไม่เยอะแล้วครับ เพราะต้องทุ่มเทเวลาไปมากกว่าจะเรียนเข้าใจ+ทำโจทย์ได้ แต่ตอนสอบจริงก็เจอปัญหาอีกคือ “ทำได้.. แต่ทำไม่ทัน” จะบ่นกันว่า เสียดาย ไม่รู้เทคนิค แบบนี้จะหายากละว่าเรียนที่ไหนถึงจะเติมจุดนี้ได้? ต้องหาข้อมูล ต้องถามจากคนวงในที่เรียนมาหลายๆ ที่
ปัญหายังไม่จบแค่นั้น
คนที่ผ่านด่าน 4 มาได้แล้ว.. ถ้าไปเจอข้อสอบยาก พวกโจทย์ซับซ้อน โจทย์พลิกแพลง ก็ยังเสียคะแนน ถึงแม้คะแนนจะออกมาดีในสายตาคนอื่น แต่มันเจ็บใจ เสียดาย บางทีก็ผิดจุดเล็กจุดน้อย สะเพร่า ลนเพราะรีบ และไม่รู้จะแก้อาการพวกนี้ยังไง?
มันใช่เรื่องไหมครับ !
ที่ต้องมาตามแก้ปัญหาไปทีละอย่าง ๆ กว่าจะผ่านหมดทุกด่าน ก็เสียเวลาลองผิดลองถูกไปหลายเทอม ถ้าไม่อยากเจอปัญหาพวกนี้ ให้เลือกแบบข้อ 5 ครับ นั่นคือ..
5. ดูที่ผลลัพธ์ ยินดีด้วยครับกับคนที่เลือกข้อนี้แต่แรก ใช่ครับ ต้องดูผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวน้องเอง และไม่ต้องรอให้เรียนจบคอร์ส เพราะถ้ามันได้ผลจริง เรียนแค่ 2-3 สัปดาห์ น้องจะรู้สึกได้เลยว่าตัวเองพัฒนาขึ้น คือการเรียน มันไม่ใช่แค่เราไปนั่งฟังครู.. ดูกระดาน.. จดตาม แล้วไปลุ้นเอาตอนสอบ
น้องต้องสามารถเช็คลิสต์ตัวเองระหว่างเรียนได้เลย..ตาม 4 ข้อข้างบน
– เข้าใจเนื้อหา คอนเซปต์ไหม?
– นอกจากเข้าใจ ต้องทำโจทย์ด้วยตัวเองได้ด้วย
– ไม่ใช่แค่ทำได้ แต่ต้องคล่อง เร็ว ทันเวลา
– และยังต้องจับทางได้..คือรู้ทันเล่เหลี่ยมของโจทย์
.
มันต้องแบบนี้เลยครับ.. ชัดเจน จับต้องได้ ไม่ขายฝัน
.
ทีนี้..ถ้าเกิดมันไม่ได้ผลล่ะ..ทำยังไง? ก็ต้องดูว่าคอร์สที่น้องสมัครเรียน รับประกันอะไรแบบนี้มั๊ย? สำหรับที่นี่..เรากล้ารับประกัน ถ้ามันไม่ได้ผล หรือน้องไม่ได้ประโยชน์อะไรจากคอร์สเรียน เรายินดีคืนเงิน ง่ายๆ แฟร์ๆ แบบนี้เลย
อะไรทำให้ครูมั่นใจและกล้าพูดแบบนี้?
ผลลัพธ์ครับ ผลลัพธ์ที่เกิดกับตัวครูเองสมัยเรียน จนมาถึงน้องๆ รุ่นนี้ ก็ 18 ปีแล้ว ตัวอย่างก็จะประมาณนี้..
น้องปอนด์ (Dek63) เคยติดอยู่ตรงด่าน 4 อยู่นาน “ทำโจทย์ได้..แต่ทำไม่ทัน” มาเรียนด้วยเทคนิคนี้ประมาณ 30 ชม. ก็ทำคะแนนติดแพทย์ได้เลย
น้องแอม (Dek63) มีที่เรียนพิเศษประจำอยู่แล้ว ผ่านปัญหามาถึงด่านท้าย ๆ ติดปัญหาเรื่องความเร็ว กับแก้โจทย์ซับซ้อน-พลิกแพลงไม่ได้ มาเรียนที่นี่เสริมแค่ 50 ชม. ก็ปลดล็อคได้แล้ว
ไม่ได้มีแค่คนที่มุ่งแพทย์เท่านั้น คณะอื่น ๆ ก็ใช้เทคนิคนี้ได้ครับ
น้องการ์ด (Dek62) จากเคยติดอยู่ที่ด่านแรก ๆ “ทำโจทย์ไม่ได้” มาแก้ที่นี่..แค่ครึ่งเทอม ก็ได้คะแนนท็อป และหลังจากที่รู้เทคนิคแล้ว การเรียนก็ดีขึ้นตลอด ดียาวไปจนติดคณะที่อยากเรียน
น้องที่ยังอยู่ ม.4-5 ถ้าได้เรียนเทคนิคนี้แต่เนิ่นๆจะยิ่งได้เปรียบ เพราะตอน ม.6 ใกล้สอบเข้ามหาลัย น้องจะมีเวลาเตรียมตัวมากกว่าคนอื่นที่มัวแก้ปัญหาแต่ละด่านอยู่
น้องจิราธิป (Dek65) มาเริ่มที่นี่ตั้งแต่ ม.4 คะแนนดีแบบยิงยาวไปเลย มีโอกาสเก็บพอร์ตสวยๆ ไว้ยื่นเข้ามหาลัยได้อีก
อีกสักเคสครับ.. น้องมายด์ (Dek65) มาตอน ม.5 กลางๆเทอมช่วงใกล้สอบ เรียนแค่ไม่กี่วัน คะแนนพุ่งจนเพื่อน ๆ งง
ไม่ว่าน้องจะติดปัญหาอยู่ตรงด่านไหนก็ตาม ถ้าน้องเบื่อแล้วที่ต้องมาคอยปัญหาให้ผ่านไปทีละด่าน น้องก้าวลงจากรถได้ครับ มีเครื่องบินพาน้องไปถึงเป้าหมายสูงสุด แบบไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกอีกเป็นเทอมๆ
.
.
สิ่งที่น้องจะได้รับ
1. เห็นผลเร็ว ใช้เวลาเรียนไม่นาน น้องจะได้ตั้งแต่พื้นฐาน ไปจนถึงโจทย์ครบทุกประเด็นที่ออกสอบ (น้องสามารถเรียนจบทั้งเทอมได้ใน 2-3 สัปดาห์)
2. ไม่เจอปัญหาระหว่างทาง ด้วยวิธีและขั้นตอนเรียนที่ออกแบบโดยเฉพาะ น้องจะพุ่งตรงไปที่เป้าหมายคะแนนสอบสูงได้เลย
3. ทำโจทย์เองได้คล่อง แบบรู้วิธีคิด รู้ถึงที่มาที่ไป ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เอาไปใช้งานยังไง จนน้องทำเองได้แบบไม่ต้องมีครูคอยแนะ
4. น้องจะรู้เทคนิคแก้โจทย์หลายๆ แนว เอาไปโกยคะแนนสอบที่โรงเรียน จนถึงสอบเข้ามหาลัย
5. น้องจะรู้ทุกคอนเซปต์สำคัญ จุดที่ออกสอบบ่อยๆ ซึ่งคนส่วนใหญ่สับสน และทำไมคนที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้จึงเสียเวลากับการเรียนมาก
6. เคล็ดลับที่ไม่มีสอนใน รร.ส่วนใหญ่ แต่มีในบางรร.ที่นักเรียนสอบติดคณะดีๆ มหาลัยท็อปๆกันยกห้อง ครูจัดมาให้น้องทำตามได้ไม่ยาก
7. รู้ทุกเหลี่ยมมุมที่ข้อสอบออก การแก้โจทย์ทั้งวิธีตรง (เน้นเข้าใจ) และวิธีใช้จริงตอนสอบ (เน้นเร็ว) แล้วน้องจะรู้ว่าทำไมคนส่วนใหญ่ทำข้อสอบไม่ทันเวลา
8. ปีที่มีการเปลี่ยนทีม อ.ผู้ออกข้อสอบ โจทย์แนวใหม่ๆที่ไม่มีใครรู้แนว แต่น้องจะโกยคะแนนได้ เพราะเรียนมาแบบถึงแก่น ลงลึก ฝึกโจทย์หลากหลาย เรียกได้ว่า “เหนือประสบการณ์”
9. น้องจะมีแผนเตรียมตัวสอบที่สมเหตุสมผล ทำตามได้จริงๆ ต้องอ่านเมื่อไหร่? ทำโจทย์ชุดไหน เรียงลำดับยังไง? ซึ่ง 97% ของคนที่มาปรึกษาครู เข้าใจผิดเรื่องนี้หมด
10. มั่นใจได้ก่อนวันสอบ น้องจะได้เตรียมตัวด้วยวิธีเดียวกับรุ่นพี่ที่สอบติดหมอ (คนกลุ่มนี้จะมีสิ่งที่เหมือนกันอย่างหนึ่ง) น้องจะได้ฝึกสิ่งนั้นในคอร์สนี้
.
.
ถ้าสิ่งนี้ตรงกับสิ่งที่น้องตามหา
.
อย่าปล่อยให้คนอื่นใช้วิธีนี้ทำคะแนนสอบ ในขณะที่น้องกำลังเรียนด้วยวิธีเดิมๆ