อยากเห็นเด็กกระตือรือร้นเรียนเอง ไม่ต้องจ้ำจี้จ้ำไชไหมครับ?
วันนี้ผมมีเคล็ดลับมาบอก ว่าทำยังไงลูกถึงได้ขยันเรียนเองโดยไม่ต้องบอก (อย่างคุณแม่ข้างบน)
คนเรา.. ถ้าอะไรที่ลงทุนทำแล้วไม่เห็นผล หรือนานกว่าจะเห็น เราจะไม่ค่อยอยากจะทำ แต่อะไรที่ทำแล้วสนุก ได้ประโยชน์ เห็นผลทันที เราจะอยากทำเรื่อยๆ ถึงจะเหนื่อยก็คุ้ม..จริงมั๊ยครับ
การเรียนก็เช่นกัน.. ถ้าต้องเรียนกันนาน ๆ กว่าจะเห็นผล มันก็ไม่ค่อยน่าเรียน ยิ่งถ้าเรียนแล้วยังทำข้อสอบไม่ได้..ยิ่งแล้วใหญ่ เด็กจะเบื่อหรือไม่ชอบวิชานั้นไปเลย
พอลูกได้ปรับวิธีเรียนให้เห็นผลเร็วทันใจ คือเรียนแค่ไม่กี่ ชม. แล้วไปสอบ..จากที่เคยตกก็ผ่านได้สบาย พอเขาได้คะแนนสูงๆ แบบนี้เด็กที่ไหนจะไม่อยากเรียนครับ เพราะเขาก็ได้ความภูมิใจของเขา
หรืออย่างเคส พ่ออำนวย พอลูกสาวตั้งหลักได้ ก็ขวนขวายเพื่ออนาคตของเขาเอง เบาแรงคุณพ่อไปเยอะเลยครับ
เคล็ดลับ ! คุณต้องรู้วิธีใส่ความรู้เข้าสมองแบบไม่ยัดเยียดครับ คือ “ต้องทำให้สมองกระหายใคร่รู้ แล้วมันจะซึมซับจดจำทุกอย่างของมันเอง”
ลองนึกถึงตอนที่ต่อมอยากรู้อยากเห็นทำงานสิครับ เห็นเพื่อนบ้านเปลี่ยนรถ เพื่อนสนิทเปลี่ยนแฟน หรือเรื่องซุบซิบแม่บ้าน ฟังรอบเดียว..เอาไปเล่าต่อได้สบาย
ถ้าคุณรู้วิธี “เปิดสวิตช์ต่อมอยากรู้อยากเห็น” ให้สมอง ก่อนที่จะเรียน ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น ผลจะเป็นแบบนี้
น้องจะเรียนรู้ได้เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า พอใช้เวลาน้อยลง..มันก็สนุก ลองคิดดูครับว่าถ้าเรานั่งเรียน 1 ชม. แต่ได้ความรู้เหมือนเรียน 3 ชม. แบบนี้น่าเรียนมั๊ย?
แน่นอนครับว่า พอเราเรียนรู้ได้เร็วกว่าเดิม ความมั่นใจก็เกิด ความกล้าก็ตามมา อย่างที่ น้องเพลง แชทมาบอก
พอได้กล้าคิดกล้าทำบ่อยๆ ได้ลองผิดลองถูกจนชำนาญ ก็กลายเป็นความเก่ง อย่างเคสนี้ คุณโอ่ง ลูกบ่นว่า “เคมียาก” มาตลอด มาเริ่มให้ลูกเรียนด้วยวิธีนี้ช่วงปิดเทอมเมษา
เดือนสิงหาเล่ามาว่าลูกสอบได้เต็ม และเดือนมกราก็แจ้งมาอีกทีว่าลูกสอบติด สอวน. แล้ว
น้องที่เรียนวิธีนี้..เรียนออนไลน์กับผมผ่าน VDO ประมาณ 16 ชั่วโมง ก็ได้ครบหมดทั้งเนื้อหาและโจทย์ที่ต้องเรียนในเทอมนั้น
คือตอนแรกแค่ 10 ชม. ก็จบ 1 เทอมแล้วครับ แต่ดูคอร์สมันสั้นไปหน่อย ผมก็เลยสอนเพิ่มให้ลงลึกกว่าที่เด็ก ม.ปลาย เรียนกัน แล้วก็แถมข้อสอบแข่งขันเพิ่มเข้าไปให้อีก
อย่างเคส น้องเฟรม พอลงลึกถึงที่มาที่ไป ก็ยิ่งเข้าใจได้ง่ายขึ้น เหตุผลมันเชื่อมโยงกันเลยไม่ต้องจำเยอะ กลายเป็น “รู้ลึกแบบเข้าใจง่าย” แถมเหนื่อยน้อยกว่า เพราะไม่ต้องเรียนกันนาน ๆ
บ้านไหนที่ลูกหลานมุ่งเรียนต่อคณะที่แข่งขันกันสูง ถ้าใช้วิธีนี้เรียนจะได้เปรียบมากกกก จะทำคะแนนสูงติดเพดานได้ไม่ยาก แบบ น้องนัท (อีกสักเคส)
น้องนัท เรียนมาหลายที่ แต่ก็ยังไม่เจอที่ไหนใช้วิธีนี้ เลยลองปรับใช้กับวิชาอื่น ๆ เอง ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนสอบ คะแนนก็ออกมาอย่างที่เห็น
คนที่รู้และเข้าใจ “เรื่องเตรียมสมองให้พร้อมก่อนเรียน” ยังมีอยู่น้อยครับ และคนที่เอามาใช้เป็น จนเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้แบบนี้..ก็ยิ่งมีน้อยลงไปอีก
เพราะคนส่วนใหญ่ยังพยายามเรียนแบบเน้นปริมาณ เรียนเยอะ เรียนหนัก ยอมเหนื่อยจนแทบไม่เหลือเวลา ถ้าคุณเชื่อตามคนส่วนใหญ่ และทำแบบคนส่วนใหญ่ คุณก็จะได้คะแนนออกมาแบบคนส่วนใหญ่ จะเอาแบบนั้นหรือครับ